กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนพรุ่งนี้ พายุฤดูร้อน 31 จังหวัด กทม. ฝนถล่มหนัก ก่อนอุณหภูมิลดฮวบ สูงสุด 8 องศา ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก
วันที่ 17 มี.ค.2568 กรมอุตุนิยมวิทยา การพยากรณ์อากาศสำหรับอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้านั้น มีมวลอากาศเย็นซึ่งแรงมากมาจากประเทศจีนเริ่มเข้าครอบคลุมทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย โดยคาดหมายว่าภายในวันนี้ จะขยายตัวลงไปยังภาคเหนือ ภาคกลาง รวมถึงเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ และปริมณฑ์ พร้อมกับภาคตะวันออกระหว่างเวลาดังกล่าวที่สภาพภูมิอากาศยังคงร้อนอบอุ่นตามแบบแผน
ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีสภาพอากาศแปรปรวน มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1–3 องศาเซลเซียส โดยมีลมแรงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
โปรดเตือนประชากรในพื้นที่เหล่านั้นในการระวังภัยจากพายุดวงฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึง กรุณาหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสถานที่ที่มีลมฟ้าอากาศแปรปรวน หรืออยู่กลางแจ้ง ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่มั่นคง เกษตรกรควรมัดแน่นโครงสร้างของผลไม้ และจัดทำแผนเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ผลผลิตและการเลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้ควรคำนึงถึงการทำลายเชิงป้องกันสำหรับภาวะสุขภาพเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง
- กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศที่ 6 เกี่ยวกับสภาพอากาศไม่คงเส้นคงวา ส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับพายุดวงอาทิตย์และฝนตกอย่างหนัก
ในกรณีของลมฝั่งตะวันออกและลมจากทางตะวันออกเฉียงใต้ที่แผ่ขยายครอบคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน มีการเพิ่มความแข็งแกร่งซึ่งนำไปสู่สภาพอากาศฝนตกอย่างหนักในหลายพื้นที่ของภาคใต้ ในขณะเดียวกัน ระดับคลื่นและความเร็วลมภายในอ่าวไทยก็ได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะท้ายอ่าวไทยจะพบคลื่นมีขนาดสูงถึง 2-3 เมตร และหากมีฝนฟ้าคะนอง พื้นที่เหล่านี้อาจเจอคลื่นที่สูงเกิน 3 เมตร นอกจากนี้ อ่าวไทยเหนือยังคงประสบกับคลื่นที่สูงราว 1-2 เมตร และเมื่อมีปรากฏการณ์ฝนฟ้าคะนอง จะทำให้คลื่นสามารถสูงขึ้นไปจนเกิน 2 เมตร
ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันดังกล่าวไว้ด้วย
สภาวะอากาศที่มีผลต่อการสะสมฝุ่นละอองในระยะนี้ การสะสมของฝุ่นละอองหรือหมอกควันในเขตประเทศไทยสูงกว่าระดับเฉลี่ยอยู่ระหว่างค่อนข้างดีจนถึงระดับปานกลาง โดยเนื่องมาจากฝนตกลดความร้อนและความชื้น และลมที่พัดผ่านมีพลังงานเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันทางภาคเหนือยังคงอยู่ในการประเมินระดับปานกลางไปจนถึงมาก เนื่องจากการพัดพาของลมยังไม่มีกำลังพอสมควร
การพยากรณ์สภาพอากาศในประเทศไทยตั้งแต่เวลา 18:00 ของวันนี้จนถึง 18:00 ของวันพรุ่งนี้
ภาคเหนือ
สภาพอากาศส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์อันอบอุ่น โดยมีโอกาสเกิดพายุฝนและฟ้าผ่าประมาณร้อยละ 20 ของบริเวณ และยังมาพร้อมกับการพัดของลมแรง
และลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนมากบริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำพูน
ลำปาง พิษณุโลก น่าน กำแพงเพชร สุโขทัย และตาก
อุณหภูมิต่ำสุด 19-24 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อุณหภูมิจะตกลง 1–3 องศากับมีลมแรง และยังคงมีฝนตกในบางพื้นที่ประมาณ 10% ซึ่งเกิดขึ้นมักบริเวณ จังหวัดขอนแก่น ชัยภูมิ และนครราชสีมา
อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส
อณหภูมิสูงสุด 26-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคกลาง
โดยปกติอากาศจะร้อน และมีโอกาสเกิดพายุฝนฟ้าคะนองประมาณร้อยละ 30 ของบริเวณ โดย kèmด้วยลูกเห็บหรือลมกรรชกแรงในบางจุด
ส่วนมากบริเวณ province of Uthai Thani Suphan Buri Kanchanaburi Ratchaburi Nakhon Pathom
สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออก
มีพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณ provinces include Chachoengsao, Chonburi, Rayong, Chanthaburi, and Trat.
หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ระหว่าง 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดอยู่ในช่วง 31-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีลอนคลื่นสูงราว 1 เมตร และในพื้นที่ที่เกิดฝนตกหนักพร้อมเสียงฟ้าคำราม ทำให้มีคลื่นที่สูงขึ้นอยู่เหนือ 2 เมตร
ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)
มีโอกาสเกิดพายุฝนฟ้าคะนองประมาณ 20% ในบริเวณการ์ด และอาจพบกับสภาพอากาศที่มีลมแรงพร้อมกับฝนตกลงมาอย่างหนักในบางจุด
บริเวณ จังหวัดเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์
อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ระหว่าง 22-26 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิสูงสุดจะอยู่ที่ 32-34 องศาเซลเซียส
ตั้งแต่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นต้นไป : มีลมจากทาง الشرق ด้วยความเร็วระหว่าง 15-35 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1-2 เมตร และในพื้นที่ที่เกิดฝนตกหนักและลมแรง คลื่นจะสูงขึ้นกว่า 2 เมตร
ตั้งแต่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นต่อไป : มีลมจากทาง الشرق ด้วยความเร็วระหว่าง 20-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2-3 เมตร และในพื้นที่ที่เกิดฝนตกหนักและลมแรง คลื่นมียอดสูงขึ้นกว่า 3 เมตร
ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)
มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณ จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีระดับคลื่นอยู่ที่ประมาณ 1 เมตร และเมื่อมีฝนตกหนักหรือพายุ ความสูงของคลื่นจะเพิ่มขึ้นเกิน 2 เมตร
กรุงเทพและปริมณฑล
มีพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนพรุ่งนี้ พายุฤดูร้อน 31 จังหวัด กทม. ฝนถล่มหนัก
เตือนฉบับที่ 7 อากาศแปรปรวนบริเวณไทยตอนบน ฝนตกหนักภาคใต้
เวลา 17.00 น. กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเตือนเรื่อง สภาพอากาศผิดปกติในเขตประเทศไทยส่วนเหนือ ฝนตกอย่างรุนแรงทางภาคใต้ และคลื่นลมแรงในทะเลอันดามันฝั่งใต้ (ยังคงมีผลบ้างในบางพื้นที่จนถึงวันที่ 20 มีนาคม พศ. 2568) เลขประจำฉบับที่ 7 (60/2568)
กล่าวคือ ในเขตภาคเหนือ ภาคกลาง ซึ่งรวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และทางภาคใต้ด้านบน จะพบกับภาวะอากาศไม่นิ่งแน่นอน มีการเกิดพายุฤดูร้อน ส่งผลให้มีปรากฏการณ์ฝนตกหนัก พายุลมแรง ตกลูกเห็บ และอาจจะมีฟ้าผ่าบ้างในบางแห่ง ในวันที่ 17 มีนาคม 2568 เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ อุณหภูมิก็จะลดลงราว 2-4 องศาระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว
เนื่องจากการขยายของมวลอากาศเย็นซึ่งมีความเข้มแข็งมากมาจากประเทศจีน จะทำให้ครอบคลุมเหนือภาคเหนือของประเทศไทยรวมไปจนถึงทะเลจีนใต้ ในระหว่างที่ภูมิภาคนี้ประสบภาวะอากาศร้อนจัด หน่วยงานเตือนประชาชนว่าควรวางแผนเพื่อรับมือกับพายุฤดูร้อนที่อาจเกิดขึ้น โดยแนะนำให้หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านในช่วงเวลาที่คาดว่าจะมีลมกรรโชก หอบฝุ่น และฝนตกหนัก หากจำเป็นต้องออกจากเคหสถาน ควรระแวดระวังเมื่ออยู่ใกล้พื้นที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่ อาคารที่ทรุดโทรม และป้ายประกาศที่เสียหาย
ส่วนเกษตรกรควรเสริมความแข็งแรงให้ไม้ผล และเตรียมการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง รวมทั้งดูแลรักษาสุขภาพในช่วงที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไว้ด้วย
จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ มีดังนี้
วันที่ 17 มีนาคม 2568
ภาคเหนือประกอบด้วยจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน กำแพงเพชร สุโขทัย และตาก
ภาคกลางประกอบด้วยจังหวัดอุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร โดยครอบคลุมถึงกรุงเทพมหานครและพื้นที่รอบๆ
ภาคตะวันออกประกอบไปด้วยจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
ภาคใต้ : จังหวัดเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์
เกี่ยวกับลมจากทางตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งครอบคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน จะเข้มแข็งตัวระหว่างวันที่ 17-20 มีนาคม พศ. 2568 ในระยะนี้สภาพอากาศของภาคใต้จะเริ่มมีฝนมากขึ้นโดยเฉพาะบางพื้นที่อาจจะเจอฝนปรอยหนัก ในขณะเดียวกันคลื่นลมภายในอ่าวไทยก็จะรุนแรงตามไปเช่นกัน เฉพาะอ่าวไทยตอนล่างอาจพบคลื่นความสูงถึง 2-3 เมตร และหากมีการปรากฏฝนฟ้าคะนองคลื่นสามารถเพิ่มเป็นสูงกว่า 3 เมตรได้ อ่าวไทยเหนือและทะเลอันดามันมีระดับคลื่อนที่ 1-2 เมตร และเมื่อมีฝนฟ้าคะนองคลื่นมักจะสูงมากกว่านั้น
ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างและห่างฝั่งทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันดังกล่าวไว้ด้วย
ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือติดต่อผ่านเบอร์ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง
เตือนฉบับที่ 7 อากาศแปรปรวนบริเวณไทยตอนบน ฝนตกหนักภาคใต้
พยากรณ์ฝนสะสม 15 วัน
ในเวลาเดียวกัน สำนักงานอุตุนิยมวิทยาได้อัปเดตสรุปรายงานการทำนายฝนสะสมประจำวัน (ภายในช่วง 24 ชั่วโมง: จาก 07.00 น.ของวันถึง 07.00 น. ในวันถัดไป) และความเร็วลมที่ระดับความกดอากาศ 925 hPa (หรือประมาณ 750 เมตร) เป็นระยะเวลา 15 วันข้างหน้านี้ จะครอบคลุมระหว่างวันที่ 17 - 31 มีนาคม พ.ศ. 2568 โดยเริ่มนับจากรอบเวลาเริ่มต้น รหัส.init.2025031612 มาจากการทำนายสภาพภูมิอากาศระยะกลางโดยศูนย์พยากรณ์อากาศยุโรป (ECMWF). การวิเคราะห์เหล่านี้จะใช้ข้อมูลมาจากแบบจำลองต่าง ๆ เช่น เครื่องหมายสีแดงแสดงถึงฝนตกมาก ส่วนสีเขียวบ่งบอกถึงฝนที่เบาบาง
ระหว่างวันที่ 17-22 มีนาคม 2568 สภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากมวลอากาศหนาวจัดซึ่งมีพลังมากกำลังเคลื่อนผ่านเข้ามาจากฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ (สภาพเช่นนี้อาจเกิดขึ้นบ่อยคราวยามหน้าร้อน) ในขณะเดียวกัน บริเวณภาคเหนือถูกครอบคลุมโดยโซนความกดอากาศต่ำ เมื่อมวลอากาศเย็นและความอบอุ่นชนกัน จะนำไปสู่ปรากฏการณ์ฝนฟ้าคะนองในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก กรุงเทพฯ และปริมณฑลรวมถึงบางส่วนของภาคใต้ phía trên
ในวันที่ 17 มีนาคม 2568 อากาศยังคงต้องใช้ความระมัดระวังเนื่องจากพายุฤดูร้อนและความแรงของลม จากนั้นระหว่างวันที่ 17 มีนาคมจนถึง 22 มีนาคม 2568 พื้นที่ทางเหนือของประเทศไทยจะเริ่มมีสภาพอากาศที่หนาวขึ้นมามากพอควร คนอาจจะสัมผัสได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เนื่องจากรอบๆ เป็นช่วงเวลาที่อากาศร้อนมาก่อนหน้านี้
โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอุณหภูมิลดลงมากกว่าภาคอื่น ๆ โดยประมาณ 5-8 องศาเซลเซียส ส่งผลให้มีลมแรงและปริมาณฝนลดลง ในขณะเดียวกันทางภาคใต้รวมถึงทะเลอ่าวไทยอาจพบกับการเกิดฝนอยู่บางครั้ง เวลากลางวันอากาศอาจจะไม่ร้อนเท่าไรนัก การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในช่วงนี้ควรระมัดระวัง และดูแลสุขภาพเป็นพิเศษสำหรับกลุ่มคนที่ไวต่อภาวะแวดล้อม เช่น เด็กเล็ก คนแก่ และผู้ป่วยนอนบนเตียง นอกจากนี้ควรวางแผนเพื่อลดโอกาสของการเกิดไฟไหม้เนื่องจากอากาศแห้งและความเร็วลมที่สูง
ในช่วงสิ้นเดือน (23-31 มีนาคม 2568) อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นจนร้อนมากอีกครั้ง เปลี่ยนจากลมทางเหนือไปเป็นลมภาคใต้และตะวันออกเฉียงใต้ พายุฤดูกาลร้อนอาจปรากฏบ่อย ๆ โดยเฉพาะระหว่างวันที่ 26-29 มีนาคม 2568 ส่งผลมาจากลมฝ่ายตะวันตกที่ครอบคลุมบริเวณบนของประเทศ เราควรติดตามสภาพอากาศอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับซ summertime นี้ มีการคาดหมายว่าอุณหภูมิจะไม่ร้อนเท่ากับปีกลาย เตรียมพบกับฝนตกหนัก และพายุฤดูร้อนบ้างเป็นคราด้ ในบางวัน ส่วนใหญ่ควรระแวดระวังพายุดวงโคมารายนี้ เพราะเกิดขึ้นมานอนไวและทรงพลังพอสมควรถึงขนาดทำลายล้างได้ถึงชีวิตและการเงินของคุณ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนพรุ่งนี้ พายุฤดูร้อน 31 จังหวัด กทม. ฝนถล่มหนัก
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www..co.th
